ฝน
โปรยรับงานเดือนสิบแต่เช้าวันต้นเทศกาล ดังคำท่านว่า “คนมีวาสนาทำบุญฝนตก
ยาจกทำบุญแดดออก” ด้านคนต่างถิ่นก็เข้าถึงภาวะที่ เอาแน่เอานอนไม่ได้
ของอากาศคาบสมุทรภาคใต้ไปพร้อมกัน
ชนวัว
เป็นส่วนหนึ่งของงานบุญ ? คงไม่ใช่เรื่องจะมาสอบถามกันเวลานี้
(มิฉะนั้นจะต้องลากไปถึงว่า “บุญ” คืออะไร)
การชนวัวดำรงอยู่ควบคู่กับจังหวัดนครศรีธรรมราชมาช้านาน
ในฐานะกีฬาพื้นบ้าน ในเทศกาลบุญเดือนสิบ ตรุษสงกรานต์ ปีใหม่
ถือว่าขาดวัวชนไม่ได้
ช่วง
เทศกาลบุญเดือนสิบ (ราวปลายเดือนกันยายน)
สนามชนวัวหรือบ่อนวัวบ้านยวนแหลของอำเภอเมือง
จัดมหกรรมชนวัวต่อเนื่องกันเจ็ดแปดวัน เปิดฉากจากสาย ๆ
ว่ากันไปจนใกล้ค่ำจึงแล้วเสร็จ ๑๘-๒๐ คู่ มีให้ดูกันจุใจขนาดนี้ บริเวณรอบ ๆ
สนามชนวัวจึงกลายเป็นคอกขนาดใหญ่ให้โคถึกกว่า ๒๐๐ ตัวพักแรมรอลงสนาม
พร้อมคนเลี้ยงวัว หุ้นส่วนชีวิตที่กินนอนด้วยกันนานแรมเดือน
ชนวัว
ช่วงเทศกาลจัดว่าเป็นนัดพิเศษ วัวเก่งก็มีวัวใหม่ก็มาก เนื่องจากตลอดปี
จังหวัดนครศรีธรรมราชมีชนวัวแทบทุกสัปดาห์
หมุนเวียนกันไปในหกสนามของอำเภอต่าง ๆ
โดยแต่ละสนามได้รับอนุญาตให้จัดเดือนละครั้ง
หากต้อง
การขยายภาพความนิยมใน “กีฬา” ชนิดนี้ ให้กว้างขึ้นจากเมืองคอน
จะเห็นว่าพัทลุง ตรัง สงขลาก็มีบ่อนชนวัวของตัวเองจังหวัดละสองสามสนาม
รวมเป็น ๒๒ สนามทั่วภาคใต้ในขอบเขตวัฒนธรรมชนวัว
บางจังหวัดแม้ไม่มีบ่อนชนวัวเป็นการถาวร
แต่ก็นิยมเลี้ยงไว้ขายและชนต่างถิ่น
วัวดีที่สุดของภาคใต้ขณะนี้ นักเลงวัวยอมรับว่าเป็นวัวของบ้านนาสาร สุราษฎร์ธานี ซึ่งไม่มีสนามชนวัวของตัวเอง
นอกจาก
นี้ การที่โคถึกวัยคะนอง ช่วงอายุระหว่าง ๕-๑๕ ปี
ไม่อาจจะลงสนามได้ทุกบ่อยเหมือนนักมวยงานวัด
ชนครั้งหนึ่งต้องพักรักษาตัวไปสองสามเดือน บางตัวต้องหกเดือน
จึงติดคู่ชนครั้งใหม่ อาจเป็นตัวอย่างทางสถิติ
แสดงให้เห็นว่าเรามีวัวชนหมุนเวียน อยู่ในลานทรายอันมหึมามากมายเพียงใด
หากคุณ
นั่งรถผ่านย่านที่มีรถเก๋ง รถปิกอัป
มอเตอร์ไซค์จอดเต็มสองฟากถนนเป็นแนวยาว
เก้าในสิบที่เจอก็ควรเป็นสังเวียนชนวัว ที่ซึ่งเงินสด ๆ สะพัดวันละเหยียบ
๑๐ ล้านบาท หากเป็นวัวดีของภาคใต้ค่าหัว ๓-๔
แสนบาทโคจรมาเจอกันด้วยแล้วบ่อนแทบปริ ค่าผ่านประตูรอบเดียวอาจเก็บได้ถึง ๓
ล้านบาท เหมือนที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์จำติดตาว่า
“ใบห้าร้อยยัดใส่หลัว…ไม่ต้องนับ”
เรามักจะ
เห็นวัวชนต่อเมื่อมันถูกจูงเข้าสนาม หรือยามออกเดินถนนกับคนเลี้ยง
ตามฐานะความสัมพันธ์ ระหว่างวัวชนกับคนเลี้ยงหรือเจ้าของ
ทว่าระหว่างหัวเชือกทั้งสองข้าง
คือในมือคนจูงวัวข้างหนึ่งกับจมูกวัวข้างหนึ่ง
ยังประกอบด้วยสายสัมพันธ์แวดล้อมอื่น ๆ ที่มองไม่เห็นของ “สังคมชนวัว”
ซึ่งควรแก่การสนใจไม่น้อย นับตั้งแต่ครอบครัวคนเลี้ยงวัว, เถ้าแก่
(นักธุรกิจ) เจ้าของวัว, นายสนามชนวัว, ผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดชนวัว,
นักพนัน, พ่อค้าแม่ค้า, คนให้เช่าที่พักวัว, ผู้อุปถัมภ์สนาม,
นักการเมืองท้องถิ่น นอกจากนี้ยังอาจหมายรวมถึง
ขนบนิยมแฝงเร้นว่าด้วยการเสี่ยงสู้ ความต้องการเอาชนะ ไว้เหลี่ยมไว้เชิง
ไม่ยอมเสียเปรียบของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งอาศัยวัวชนเป็นตัวแทน
0 comments:
Post a Comment