Friday, July 20, 2012

“ล่องใต้ตามหาฝัน ปากประสร้างชื่อ ชนวัวลือเลื่อง โนราเมืองลุง”

                 กิจกรรมทัศนาจรถ่ายภาพครั้งที่ 5/2555 ซึ่งเป็นทริปใหญ่ประจำปีนี้ทางคณะกรรมการมีมติพาสมาชิกล่องใต้ตามหาฝัน โดยมีจุดมุ่งหมายเป็น 3 จังหวัดภาคใต้ นครศรีธรรมราช พัทลุงและตรัง ซึ่งเริ่มออกเดินทางในเย็นวันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม นัดไว้ว่าจะออกเดินทาง 18.00 น. ว่าจะออกเดินทางจากปั๊ม ปตท.ดินแดง แต่กว่าจะออกได้จริงๆ ก็ 18.30 น. และแวะรับจุดที่สองหน้าห้างโลตัส ถนนพระราม 2 ก็ปาเข้าไป 19.30 น. แต่ก็ถือว่าออกจากกรุงเทพได้เร็วกว่าที่คาดไว้สำหรับช่วงวันหยุดยาวแบบนี้ และมีสมาชิกหน้าใหม่ที่มาเป็นครั้งแรก อาทิ คุณสุธิดา, คุณขนบพันธุ์, คุณชาญณรงค์, คุณกีรติกานต์ และคุณชลธิดา และสมาชิกขาประจำอีกหลายท่าน โดยแวะรับประทานข้าวต้มรอบดึกที่ ห้องอาหาร “คุณสาหร่าย” จ.ชุมพร

และทัศนาจรล่องใต้ครั้งนี้เป็นครั้งที่ต่อจากเมื่อปี 2550 และก็เหมือนเดิมก่อนไปดูพยากรณ์อากาศแต่ละจังหวัดที่จะไปฝนคาดว่าจะตกไม่ น้อยกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ แต่เราก็ไม่ย่อท้อหวังว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีกครั้ง ซึ่งเช้าวันศุกร์ที่ 10 เราไปถึงประมาณ 6.00 น. โดยมีคุณหมอรังสิตและคุณธวัชชัย (พี่ปุ่น) มารับเราแต่เช้า เพื่อถ่ายภาพวิถีชีวิตชาวประมงที่ปากน้ำ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช แต่วันนี้ฟ้าก็ยังไม่เป็นใจพระอาทิตย์ขึ้นแบบธรรมดาไม่มีสีสันอะไร จากนั้นแวะรับประทานอาหารเช้าที่ “ปากน้ำกลาย” และรีบเดินทางไปถ่ายภาพการแข่งขัน “กีฬาชนโค” ซึ่งจังหวะที่เราไปนั้นสนามแข่งขันอยู่จังหวัดตรัง เราจึงต้องเดินทางไปจังหวัดตรัง กว่าจะไปถึงก็ 11.30 น.

ซึ่งทางพี่ปุ่นติดต่อกับผู้จัดการสนามชนโคเทศบาลนครตรัง ประสานงานให้สมาชิกของเราเข้าไปถ่ายภาพ การถ่ายภาพในสนามนั้นสามารถถ่ายวัวได้หลายอย่าง เพราะเมื่อวัวเข้ามาในสนาม ก่อนชนจะมีการเช็ดล้างวัวก่อนชน โดยทางสนามจะมีกรรมการกลางที่จัดเตรียมไว้ประจำมุมที่โคไปยีนอยู่เตรียมเช็ค ล้าง ข้างละ 1 คน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการใช้สารของฝ่ายตรงข้ามซึ่งอาจจะอยู่ในรูปยา น้ำมัน หรือ สมุนไพรมีพิษทาไว้ที่ตัววัวหรือที่เขา และพี่เลี้ยงจะใช้กล้วยหรือผลตาลโตนดสุก ทาทั่วหน้า จมูก และคอของวัว เพื่อกลบกลิ่นสาบของคู่ต่อสู้ โดยเชื่อว่าวัวเป็นสัตว์ที่ให้ความสำคัญต่อขั้นลำดับอาวุโสซึ่งสามารถสัมผัส ได้โดยทางกลิ่นสาบ วัวที่หนุ่มกว่าจะเกรงในศักดิ์ศรีของวัวที่แก่กว่า ถ้าให้ชนกันวัวหนุ่มจะวิ่งหนี และวัวที่จะใช้ชนนั้นจะต้องเป็นพันธุ์วัวชนโดยเฉพาะ

จากนั้นวัวชนเราก็จับจังหวะแทบจะตลอดเวลาเพราะบางคู่ก็แพ้ชนะกันไว มาก บางคู่ก็นานมากจึงจะรู้แพ้ชนะกัน บางครั้งก็สามารถถ่ายระเบิดซูมเล่นก็ได้ เวลาอยู่ในสนามจะได้ยินเสียงกลอง เมื่อตีกลอง 2 ครั้งให้พาวัวเข้าชน โดยมีคนพาเข้าชนและห้ามตีวัวฝ่ายตรงข้าม แต่วัวฝ่ายตัวเองให้ตีได้ และวัวที่ล้ม ถ้าไม่ลุกภายใน 5 นาทีถือว่าแพ้ ถ้าลุกก่อนให้ชนต่อไปได้ ถ้าลุกแล้วหนี กรรมการจะให้เวลา 5 นาที ถ้าไม่ชนถือว่าแพ้เด็ดขาด จริงๆ แล้วกติกายังมีอีกมากนะครับ แต่เมื่อวัวแพ้ชนะ เรายังสามารถถ่ายภาพตัวที่ชนะได้เพราะตัวที่ชนะจะมีการตบแต่งเครื่องประดับ และเสื้อคลุมวัวชน (บางครั้งบางสนามแล้วแต่เจ้าของวัว) กว่าจะออกจากสนามชนวัว 13.45 น. ซึ่งคงจะเป็นประวัติศาสตร์แล้วสำหรับ “สนามชนโคเทศบาลนครตรัง” เพราะทางเทศบาลนครตรัง จะขอพื้นที่บริเวณนี้คืน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นต่อไปแล้ว
แวะรับประทานอาหารเที่ยงที่ “ร้านทางเลือก” จากเดินทางกลับจังหวัดพัทลุง เพื่อเดินชมและถ่ายภาพ “อเมซอนเมืองไทย” ป่าเสม็ดขาว ณ สวนพฤกษศาสตร์พัทลุง ในเวลา 16.30 น. แต่ก็ไม่สามารถเดินชมดั่งใจได้เพราะก่อนหน้าที่เรามาฝนตกไม่ใช่น้อยน้ำท่วม จึงเดินชมไม่สะดวก และทางเราเตรียมแบบเป็นเรือคยัท 3 ลำ นอกนจากนี้ยังมีเรือชาวบ้านซึ่งเป็นเรือไม้ กำลังจะออกหาปลาตามปกติจึงกลายเป็นพระเอกแทน กว่าจะยอมเลิกถ่ายภาพก็ต่อเมื่อแสงเริ่มหมดลง จากนั้นเราเดินทางกลับเข้าที่พักและรับประทานอาหารเย็น ณ.ห้องอาหาร “ล้านบัว” และคืนนี้พักผ่อนที่ “ล้านบัวรีสอร์ท” “สอยดาว” “ทวีสุข” อ.ควนขนุน จ.พัทลุง
วันเสาร์ที่ 11 ธ.ค. 05.00 น. เดินทางถ่ายภาพชาวเรือที่บ้านปากประ สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตแห่งใหม่ (นับว่าเป็นสถานที่สร้างชื่อให้กับสมาคมมาก เมื่อครั้งที่มาเมื่อปี 2550 ฉากนี้ได้รางวัลทั้งในและต่างประเทศ) ครั้งนี้ท้องฟ้าเป็นใจมาก เราจึงพาสมาชิกลงเรือไปถ่ายยอ ยักษ์ใกล้ๆ แต่ก็มาสมาชิกอยู่ด้านบน ฉากนี้ที่น่าเสียดายก็คือเหมือนยอที่มีอยู่จะลดน้อยลงไปมาก จากนั้นกลับมารับประทานอาหารเช้าที่ “ล้านบัวรีสอร์ท” และถ่ายภาพ “โนรา” จากโรงเรียนสตรีพัทลุง โดยจัดแสดงเพื่อถ่ายภาพที่หน้าทะเลน้อย กว่าจะได้ร่ำลาพัทลุงเวลาผ่านไป 9.45 น. จึงเดินทางไปนครศรีธรรมราช
12.00 น. รับประทานอาหารที่ร้าน “บ้านไร่นาวง” จากนั้นไปมัสยิดเพื่อถ่ายภาพหนูน้อยมุสลิมบริเวณ “มัสยิดการราหมาด (บ้านหัวทะเล)” สำหรับที่นี่เนื่องจากสถานที่ไม่กว้างนักและมุมที่ถ่ายเป็นมุมที่ต้องใช้ เลนส์มุมกว้าง สมาชิกเราน่ารักมากเข้าแถวคอยถ่ายภาพโดยไม่ต้องบอกหรือจัดระเบียบเลย (จริงๆ แล้วก็อยากให้สมาชิกเราเป็นเช่นนี้ทุกฉาก ทุกสถานที่ เอื้อเฟื้อซึ่งกันและกันเราก็ได้ภาพด้วยกันทั้งหมด) จากนั้น 15.00 เดินทางไปปากน้ำพนัง เพื่อลงเรือ ส.ภักดีทราเวลชิพ “ล่องเรือลุ่มแม่น้ำปากพนัง เที่ยวแหลมตะลุมพุก ดูคอนโดนกแอ่นกินรัง ชมโรงสีโบราณ เขื่อนอุทกวิภาชประสิทธิ ลุ่มแม่น้ำปากพนัง” และรับประทานอาหารเย็น เป็นการเดินทางที่ต้องบอกว่าครั้งนี้สมาคมเหมือนมาพักผ่อนให้สมาชิกนั่งเรือ ชมวิว กินอาหารเย็นพร้อมฟังเสียงเพลงจากอาจารย์ประสพและสมาชิกที่ช่วยกันร้องเพลง ประมาณสามชั่วโมงเศษ จากนั้นจึงเข้าพักผ่อน ณ โรงแรมนครการ์เด้น

วันอาทิตย์ 12 ธ.ค. 05.30 น. พาสมาชิกถ่ายภาพ อาทิตย์ขึ้นที่ปากน้ำนครฯ โดยเรามีเรือมาเป็นแบบสามลำ แต่การสื่อสารลำบากไม่เข้าใจกันจึงไม่ค่อยภาพที่ดังใจนัก ดีนะฟ้ายามเช้าที่นี่วันนี้มีสีสันที่สวยงาม เรามาถึงก็สามารถถ่ายภาพได้เลย จากนั้น 07.00 น. อาหารเช้าที่โรงแรม และเดินทางกลับ 8.30 น. โดยเรามีฝนตกส่งเรามาตามทางเป็นระยะ จากสุราษฎร์ฯ จนถึงชุมพร จากนั้นแวะรับประทานอาหารเที่ยงที่ “ร้านอาหารคุณสาหร่าย” และรับประทานอาหารเย็น “ร้านอาหารน้ำทิพย์ ริมคลอง” กลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ เวลาประมาณ 21.30 น.
        สุดท้ายขอขอบคุณ คุณหมอรังสิต ,นายสนามชนโคเทศบาลนครตรัง “โนรา” จากโรงเรียนสตรีพัทลุง, มัสยิดการราหมาด (บ้านหัวทะเล) ผู้ที่มาเป็นแบบทุกๆ ท่าน โดยเฉพาะคุณธวัชชัย (พี่ปุ่น) ที่ดูแลและจัดหาแบบให้เพื่อสมาชิกเราตลอดการเดินทาง และเหมือนเดิมขอขอบคุณสมาชิกที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน ขอบคุณครับ แล้วพบกันใหม่

0 comments:

Post a Comment